หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เมล็ดเชีย (Chia seeds) ซุปเปอร์ฟู้ดที่ดีที่สุดในโลก

เมล็ดเชีย
เมล็ดเชีย
                   ช่วงนี้เทรนด์สุขภาพมาแรง การออกกำลังกายและอาหารสุขภาพก็แรงตามด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเหล่าดารา กินอาหารคลีน ออกกำลังกาย อัพรูปลงอินสตาแกรม แบบนี้ก็ยิ่งเป็นกระแสให้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น  วันนี้จะพาไปรู้จักกับอาหารสุขภาพที่ ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก นั่นคือเมล็ดเจีย หรือเมล็ดเชีย (Chia seeds) นั่นเอง
                เมล็ดเชียขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีที่สุดในโลก ดีต่อทั้งร่างกายและสมอง วันนี้จะมาบอก 11 ประโยชน์ของเมล็ดเชียที่ได้รับการศึกษาค้นคว้าจากผู้เชี่ยวชาญกัน

1. เมล็ดเชียมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ สีดำ มีสารอาหารเยอะ แต่แคลอรี่ต่ำมาก เกิดจากต้น Salvia Hispanica ซึ่งเป็นพืชที่เติบโตในทวีปอเมริกาใต้ เป็นอาหารที่สำคัญของชาวเอชเท็กและชาวมายัน เป็นพืชที่ให้พลังงานยาวนาน จริงๆ แล้วคำว่า ‘chia’ เป็นภาษามายันโบราณที่แปลว่า ‘strenght’  แม้ในสมัยโบราณเมล็ดเชียจะเป็นเพียงอาหารหลักที่ดูไม่ค่อยมีความสำคัญ แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ก็ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนรักสุขภาพ ปัจจุบันจัดเป็นซุเปอร์ฟู้ดที่ฮอตฮิตสุดๆ ก็ว่าได้
เมล็ดเชีย 1 ออนส์หรือ 28 กรัม ให้สารอาหารดังนี้
ไฟเบอร์: 11 กรัม
โปรตีน: 4 กรัม
ไขมัน: 9 กรัม (5 ที่มีโอเมก้า 3s)
แคลเซียม: 18% ของ RDA
แมงกานีส: 30% ของ RDA
แมกนีเซียม: 30% ของ RDA
ฟอสฟอรัส: 27% ของ RDA
อีกทั้งยังมีซิงค์, วิตามินบี 3 (ไนอาซิน), โพแทสเซียม, วิตามิน B1 (วิตามินบี) และวิตามิน B2 ในปริมาณที่เหมาะสม

เมล็คเชีย
เมล็ดเชีย
2. เมล็ดเชีย เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระนี้ช่วยป้องกันไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ที่สำคัญสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยไปต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่สร้างความเสียหายให้กับเซลล์ในร่างกาย นำไปสู่โรคร้ายต่างๆ มากมาย เช่น โรคมะเร็ง 

เมล็ดเชีย
เมล็ดเชีย
3. เมล็ดเชียมีไฟเบอร์สูง แถมยังมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ เส้นใยของเมล็ดเชียสามารถดูดซับน้ำได้ถึง 10-12 เท่า ของน้ำหนักมัน ดังนั้นเมื่ออยู่ในท้องจึงเป็นเหมือนเจลที่ขยายตัว ช่วยให้รู้สึกอิ่มและคุณก็จะทานน้อยโดยอัตโนมัติ เมื่อคุณกินอาหารอื่นเข้าไปจึงทำให้ร่างกายดูดซึมได้ช้า ได้รับแคลอรี่หรือพลังงานน้อย ไฟเบอร์ยังเป็นอาหารชั้นยอดของแบคทีเรียที่เป็นมิตรกับลำไส้ ช่วยรักษาความสมดุลของลำไส้ และทำให้ไม่เป็นโรคลำไส้ด้วย นับเป็นอาหารที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

เมล็ดเชีย
เมล็ดเชีย
4. เมล็ดเชียมีโปรตีนสูงถึง 14% ของน้ำหนักมัน อีกทั้งยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย โปรตีนนี้จะช่วยลดความอยากอาหารได้ เมล็ดเชียจึงเหมาะเป็นของว่างเวลากลางคืน และยังเหมาะอย่างยิ่งต่อคนที่ต้องการโปรตีนแต่ไม่กินเนื้อสัตว์

เมล็ดเชีย
เมล็ดเชีย
5. เส้นใยและโปรตีนในเมล็ดเชียช่วยสาวๆ คุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เส้นใยที่มีการขยายตัวและดูดซึมน้ำมาก ช่วยชะลอการดูดซึมอาหาร และจากการศึกษายังพบว่าโปรตีนในเมล็ดเชียช่วยลดความอยากอาหาร แต่เส้นใยในเมล็ดเชียนั้นไม่ได้มีผลให้น้ำหนักตัวหายไปแต่อย่างใด และเมล็ดเชียก็ไม่ได้มีผลต่อน้ำหนักตัวอย่างที่หลายคนเข้าใจกันนะคะ การกินอาหารและการใช้ชีวิตต่างหากที่เกี่ยวข้อง เมล็ดเชียแค่ลดความอยากรับประทานอาหารเท่านั้นค่ะ
เมล็ดเชีย
เมล็ดเชีย
6. เมล็ดเชียมีกรดไขมันโอเมก้าสูงเช่นเดียวกับเมล็ดเฟลกซ์ จริงๆ เมล็ดเชียมีกรดไขมันโอเมก้า 3 มากกว่าปลาแซลมอนในปริมาณที่เท่ากันด้วยซ้ำ แต่โอเมก้า 3 ส่วนใหญ่เป็นพวก ALA (Alpha Linolenic Acid) ซึ่งไม่มีประโยชน์อย่างที่หลายคนเข้าใจกัน เพราะ ALA ต้องแปลงรูปเป็น EPA และ DHA ก่อน ร่างกายจึงสามารถนำมาใช้งานได้ แต่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถแปลง ALA ได้เอง ดังนั้นการกินปลาจึงยังคงได้โอเมก้า 3 ที่มีประโยช์มากกว่า ถ้าคุณเป็นพวกกินมังสวิรัติ ควรเสริม DHA เข้าไปด้วยนะคะ

เมล็ดเชีย
เมล็ดเชีย
7. เมล็ดเชียอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและเบาหวาน เพราะมีเส้นใยสูง มีโปรตีนและโอเมก้า ที่จะช่วยพัฒนาระบบการเผาผลาญหรือเมตาบอลิซึมในร่างกาย จากการศึกษาค้นคว้าผู้ที่บริโภค เมล็ดเชีย โปรตีนถั่วเหลือง  ข้าวโอ๊ต และโนพาล (Nopal) พบว่าปริมาณคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ลดลง และไขมันดีหรือ HDL เพิ่มขึ้น ดังนั้นพิสูจน์ได้ว่าเมล็ดเชียลดไตรกลีเซอร์รด์ ลดการอักเสบ และเพิ่มไขมัน HDL
เมล็ดเชีย
เมล็ดเชีย
8. เมล็ดเชียมีความสำคัญอย่างมากต่อผู้สูงอายุ เพราะเมล็ดเชียมีสารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพกระดูก มีทั้งแคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมและโปรตีน เมล็ดเชียมีปริมาณแคลเซีมสูงกว่านม จึงเป็นแหล่งแคลเซียมที่เยี่ยมยอดสำหรับใครที่ไม่ชอบดื่มนม



เมล็ดเชีย
เมล็ดเชีย
9. เมล็ดเชียอาจมีความสำคัญในรายของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ในการศึกษาข้อมูลของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน 20 คน ที่ทดลองให้รับประทานเมล็ดเชีย 37 กรัม และข้าวสาลี 37 กรัม ติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มที่รับประทานเมล็ดเชีย มีข้อบ่งชี้เกี่ยวกับสุขภาพหลายประการ เช่น ความดันโลหิตลดลง 3-6 mm/Hg รวมถึงเครื่องหมายที่แสดงการอักเสบ ที่เรียกว่า Hs/CRP ลดลง 40% นอกจากนี้ยังทำให้น้ำตาลในเลือดลดต่ำลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีนัยสำคัญทางสถิติเท่าไรนัก การที่เมล็ดเชียมีเส้นใยสูง อาจมีส่วนช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ แต่อย่างไรก็ตามคงต้องรอผลการศึกษาที่แน่ชัดต่อไป



เมล็ดเชีย
เมล็ดเชีย
10. เมล็ดเชียช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย เทียบเท่าเครื่องดื่มสำหรับนักกีฬาเลยล่ะ ในตำนานของชาวเอชเท็กและชาวมายัน ใช้เมล็ดเชียเป็นตัวกระตุ้นพลังงานในร่างกาย และจากการศึกษาล่าสุดของกลุ่มทดลอง 6 คน กลุ่มหนึ่งดื่มครื่องดื่มเกลือแร่อย่างเดียว ส่วนอีกกลุ่มดื่มเกลือแร่ผสมเมล็ดเชียอย่างละครึ่ง แล้ววิ่งบนลู่วิ่ง 10 กิโลเมตรตามเวลาที่กำหนด สังเกตความแตกต่างของ 2 กลุ่มได้อย่างชัดเจน คนที่แทนเครื่องดื่มครึ่งหนึ่งด้วยเมล็ดเชีย ไม่ได้ลดประสิทธิภาพของกำลังกายลงเลย แสดงให้เห็นว่าเมล็ดเชียมีพลังงานบางอย่าง จากการศึกษานี้เหล่านักกีฬาสามารถทานเมล็ดเชียแทนคาร์ไฮเดรตได้ ซึ่งทำให้พวกเขาลดการบริโภคน้ำตาลลงนั่นเอง ซึ่งดีต่อร่างกายมากๆ

เมล็ดเชีย
เมล็ดเชีย
11. ข้อสุดท้ายนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับสุขภาพ แต่สำคัญสุดๆ คือคุณสามารถทานร่วมกับอะไรก็ได้ในโลกนี้ อิอิ จะโรยลงบนอาหารเลยก็ได้ ขั้นตอนการเตรียมก็ไม่ยุ่งยาก แช่ในน้ำผลไม้ หรือนมถั่วเหลือง ก็จะกลายเป็นเชียพุดดิ้ง หรือจะใส่เพิ่มลงไปในขนมอบที่คุณชื่นชอบก็ได้ โรยเป็นธัญพืชลงบนโยเกิร์ตหรือจานข้าวของคุณก็อร่อยได้คุณค่าเช่นกัน เมล็ดเชียก็จะมีความสามารถในการดูดซับน้ำและน้ำมัน บางสูตรใช้เมล็ดเชียเพื่อให้น้ำซอสเข้มข้นขึ้น หรืออาจจะใช้แทนไข่ไปเลยก็ได้ ผสมกับน้ำก็จะกลายเป็นเจล สรุปก็คือ เพิ่มเมล็ดเชียลงไปในสูตรอาหารก็เท่ากับเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการลงไปนั่นเอง แต่ถ้ากินมากเกินไปอาจจะไม่ดีต่อระบบทางเดินอาหารค่ะ แนะนำให้กินวันละ 20 กรัม หรือ 1.5 ช้อนโต๊ะต่อวันก็เพียงพอค่ะ



เมล็ดเชีย
เมล็ดเชีย

เมล็ดเชีย
เมล็ดเชีย


                เห็นไหมคะว่าเจ้านี่คือ ซุปเปอร์ฟู้ดของจริง ใครอยากทานสามารถหาซื้อได้ทางเว็บไซต์หรือซุปเปอร์มาเก็ตชั้นนำทั่วไปค่ะ แต่เมล็ดเชียนี้อาจจะมีข้อจำกัดบางอย่างที่เราไม่ทราบนะคะ ทางที่ดีคนที่มีโรคประจำตัวอยู่ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานจะดีที่สุดค่ะ มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี เอาทางสายกลางดีกว่าค่ะ ปลอดภัยที่สุด


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก:
authoritynutrition.com
ahappyfooddance.com
dailyburn.com



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น